นวัตกรรมบ้านลดฝุ่น ก้าวข้ามข้อจำกัดเรื่องการออกแบบ

วิกฤตมลพิษทางอากาศและฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดจากการเผาไหม้ ควันรถยนต์ และการก่อสร้างต่างๆ สร้างความกังวลให้กับคนเมืองเป็นอย่างมากในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา สำหรับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงอาจมีอาการตอบสนองทางร่างกาย เช่น หายใจไม่สะดวก ไอ เจ็บคอ แสบและคันตา มีผื่นแพ้บริเวณผิวหนัง และหากสะสมเป็นระยะเวลานานอาจก่อให้เกิดมะเร็งได้อีกด้วย มลภาวะเหล่านี้เมื่ออยู่บนบนท้องถนนหรือนอกตัวอาคารเราสามารถป้องกันเบื้องต้นได้ด้วยการสวมใส่หน้ากากอนามัย แต่ภายในที่อยู่อาศัยเราไม่สามารถใส่หน้ากากอนามัยไว้ได้ตลอดเวลา นอกเหนือจากการเปิดเครื่องฟอกอากาศแล้ว ยากที่จะควบคุมสภาพอากาศภายในบ้านให้ปลอดภัย และอาจกลายเป็นภัยเงียบที่ส่งผลต่อสุขภาพได้ในที่สุด 

ฝุ่น PM 2.5 ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน สามารถพบได้ทั้งภายนอกและภายในตัวอาคาร เป็นฝุ่นมลภาวะที่มองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า หลายคนมักเข้าใจผิดว่าการอยู่ในบ้านจะทำให้ปลอดภัยจากฝุ่นประเภทนี้ แต่จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกพบว่ามีผู้คนทั่วโลกที่เสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากมลพิษทางอากาศภายในบ้านมากถึง 3.8 ล้านคนต่อปี จากโรคหัวใจล้มเหลว โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และโรคมะเร็งปอด เป็นต้น ซึ่งผู้หญิงและเด็กมีความเสี่ยงมากที่สุด สาเหตุหลักคือกิจกรรมที่เราทำภายในบ้าน เช่น การทำอาหาร[1] การใช้วัสดุตกแต่งบ้านที่ไม่ได้มาตรฐาน ฝุ่นต่างๆ ที่หลงเหลือจากการก่อสร้าง เป็นต้น ประกอบกับการที่เราใช้เวลาอยู่ในบ้านมากกว่าที่อื่นๆ ทำให้เป็นการยากที่จะหลีกเลี่ยงมลพิษทางอากาศเหล่านี้และมองข้ามไปโดยไม่รู้ตัว

การเลือกบ้านที่ตอบโจทย์ทุกมิติของการใช้ชีวิต

เราไม่สามารถควบคุมสภาพอากาศและมลภาวะในเมืองที่เราอยู่อาศัยได้ แต่เราสามารถเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับบ้านของเราได้ การเลือกบ้านที่ให้ความสำคัญตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ มีเทคโนโลยีการก่อสร้างที่ทันสมัย และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในบ้าน ที่ไม่เพียงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์โมเดิร์นของคนเมือง แต่ยังคำนึงถึงสถานการณ์ฝุ่นในปัจจุบัน จึงเป็นทางเลือกที่ควรมองหา

เทคโนโลยีการสร้างบ้านที่ดีกว่าอย่าง prestressed concrete หรือคอนกรีตอัดแรง เป็นเทคนิคที่ช่วยลดมลภาวะฝุ่นขณะก่อสร้าง ซึ่งได้เริ่มมีการนำมาใช้ในการสร้างบ้านในประเทศไทยโดยโครงการของ เนอวานา ไดอิ ด้วยวิธีการหล่อคอนกรีตในแม่พิมพ์ขนาดใหญ่ตามรูปแบบชิ้นงานที่ต้องการเพื่อการควบคุมคุณภาพการก่อสร้าง ทำให้โครงสร้างบ้านมีความแข็งแรงทนทาน บ้านเนี้ยบด้วยผนังที่เรียบเนียน มีเหลี่ยมมุมคมชัด ทาสีหรือติดวอลเปเปอร์ได้เรียบร้อยขึ้น ส่งมอบบ้านที่เสร็จสมบูรณ์ได้ทันตามกำหนด และที่สำคัญคือลดมลภาวะจากฝุ่นและเสียงขณะก่อสร้าง ขณะเดียวกันสำหรับการอยู่อาศัย เนอวานา ไดอิ ยังได้ติดตั้งระบบ Air Control System เพื่อปรับความสมดุลของสภาพอากาศภายในบ้าน ช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองและภูมิแพ้ ทำให้มีการถ่ายเทอากาศดีขึ้น ให้ผู้อยู่อาศัยได้มั่นใจถึงสภาพอากาศภายในบ้านที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับธรรมชาติได้อย่างสมบูรณ์แบบ

“บ้าน” ที่เป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย

โครงการของ เนอวานา ไดอิ สร้างสรรค์ด้วยแนวคิด Living Revolution ที่เน้นให้ “บ้าน” เป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย โดยมีองค์ประกอบหลัก 2 ส่วน คือ การออกแบบที่คำนึงถึงความยั่งยืนและฟังก์ชันสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ก้าวข้ามข้อจำกัดงานสถาปัตยกรรมการออกแบบแบบเดิมๆ ประกอบกับความเชี่ยวชาญ ความรู้ในเทคโนโลยีชั้นสูง นวัตกรรม และการควบคุมคุณภาพมาตรฐานญี่ปุ่นทำให้บ้านมีรูปลักษณ์ที่สวยงามโปร่งโล่งตามแบบโมเดิร์น ไม่ถูกจำกัดด้วยโครงสร้างเสาและคานภายใน เพิ่มประโยชน์ใช้สอยของพื้นที่ให้มากขึ้น เหล่านี้สะท้อนให้เห็นในทุกๆ มิติของบ้าน ตั้งแต่การตกแต่งที่ดึงประโยชน์จากธรรมชาติ อย่าง แสง ลม มีรูปทรงบ้านทั้งแบบ L Shape และ C Shape มีการจัดวางตำแหน่งพื้นที่ใช้สอยให้สอดรับกับการอยู่อาศัยร่วมกันของครอบครัวที่มีสมาชิกหลายเจนเนอเรชัน ด้วยคอนเซ็ปต์ Timeless Design ทันสมัย แต่คงความสวยงามได้ทุกยุคทุกสมัย

สภาพแวดล้อมของสังคมเมืองในปัจจุบัน มีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างที่เราต้องเผชิญ วิกฤตมลพิษทางอากาศและฝุ่น PM 2.5 เป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างที่ทำให้ผู้คนหันมาตื่นตัวเรื่องสุขภาพมากขึ้น เราไม่สามารถควบคุมปัจจัยภายนอกได้ สิ่งที่เราทำได้คือการเลือกสรรและจัดสรรที่อยู่อาศัยให้มีคุณภาพและตอบสนองการใช้ชีวิต สิ่งสำคัญในการเลือกที่อยู่อาศัย นอกเหนือจากความสวยงามภายนอกแล้ว เราต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อม นวัตกรรมการดีไซน์เพื่อประโยชน์ใช้สอย และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ตั้งแต่การก่อสร้างจนถึงการใช้งานจริง บ้านที่มีการออกแบบโดยใส่ใจในทุกรายละเอียดของการใช้ชีวิตและเอื้อต่อความเป็นอยู่ที่ดี เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับธรรมชาติ จะส่งผลให้เราสามารถดูแลสุขภาพและอยู่อาศัยได้อย่างยั่งยืนอย่างแท้จริง